< img height="1" width="1" style="display:none" src="https://www.facebook.com/tr?id=246923367957190&ev=PageView&noscript=1" /> ข่าว - อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ก้าวหน้าอย่างมั่นคง!
ฝูโจว Ruida เครื่องจักร Co., Ltd.
ติดต่อเรา

อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ก้าวหน้าอย่างมั่นคง!

ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการผลิตรถยนต์ของประเทศไทยต่อปีสูงถึง 1.9 ล้านคัน ซึ่งสูงที่สุดในอาเซียน ที่สำคัญในปี 2565 มูลค่าการส่งออกอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยมีมูลค่ารวม 1.31 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% คิดเป็นประมาณ 12.3% ของ GDP; มูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนสูงที่สุดในอาเซียนและอันดับที่ 14 ของโลก และมูลค่าการส่งออกยางรถยนต์ขึ้นเป็นอันดับสองของโลก เรียกได้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ได้ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่

สถานการณ์พื้นฐาน

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ในระยะแรก หน่วยงานภาครัฐของไทยให้ความสำคัญกับการออกมาตรการสนับสนุนการลงทุนในการผลิตและการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ โดยเฉพาะการปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน (Complete Built-Up: CBU) และการน็อคดาวน์ทั้งคัน (Complete Knock-Down: โรคไตวายเรื้อรัง) ต่อมา คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ออกมาตรการต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และการยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังกำหนดสัดส่วนชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศเพื่อนำไปใช้ในการผลิตรถยนต์ (ข้อกำหนดปริมาณท้องถิ่น: LCR) ข้อกำหนดนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่สัดส่วนชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศต่อมูลค่ารวมชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้ในการผลิตรถยนต์นั่งของไทยยังคงสูงถึง 60-80% รถยนต์และรถกระบะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงถึง 90% และรถจักรยานยนต์ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในท้องถิ่นเกือบทั้งหมด ปัจจุบันความตกลงการค้าเสรีของไทยกับประเทศอื่นๆ เช่น ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) และความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ส่งผลให้ CBU และ การนำเข้า CKD ด้วยอัตราภาษีที่สูงขึ้น

5ec399be873159766ac3b5847cebf0a

นักลงทุนชาวไทยและต่างประเทศยังคงลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไทยต่อไป บริษัทท้องถิ่นและกิจการร่วมค้าที่สำคัญในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท ไทยซัมมิทออโต้พาร์ท จำกัด บริษัท สามมิตรออโต้พาร์ท จำกัด บริษัท สมบูรณ์แอ๊ดวานซ์เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออโต้เพรสพาร์ท จำกัด เป็นต้น ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่ได้ตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ได้แก่ Bosch, Denso, Magna, Continental, ZF และ Aisin Seiki โดยมีผลิตภัณฑ์ที่สำคัญได้แก่

1) กลุ่มชิ้นส่วนยาง:

อาศัยการจัดหาวัตถุดิบยางธรรมชาติภายในประเทศ เช่น ท่อ สายพาน ขอบล้อไฟเบอร์กลาส ยางรถยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับสูง

2) ระบบส่งกำลังและชิ้นส่วนเครื่องยนต์:

ห่วงโซ่อุปทานมีความซับซ้อนและมีมูลค่าเกิน 1/3 ของต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่รัฐบาลไทยส่งเสริมการผลิตในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด เช่น หม้อน้ำ ท่อไอเสีย ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ถังน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบจุดระเบิด เกียร์ เป็นต้น

3) ยานพาหนะไฟฟ้า:

รัฐบาลไทยส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบแพ็คเกจ ผู้ผลิตรถยนต์จึงทยอยสมัครลงทุนเพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนในประเทศไทย โดยเฉพาะแบตเตอรี่คิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้า

737cebe653dd0cfb53c57f0181b395d

 

โครงสร้างผลิตภัณฑ์และการส่งออก

อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยอาศัยตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยมียอดขายคิดเป็น 60-70% แบ่งเป็น การประกอบรถยนต์ (ผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม OEM) และการเปลี่ยนชิ้นส่วนยานยนต์ (ผู้ผลิตอุปกรณ์ทดแทน REM)

OEM: 30-40% ของมูลค่าผลผลิตรวมของตลาดชิ้นส่วนของประเทศไทย

ขยายตัวตามการเติบโตของการผลิตรถยนต์ โดยกว่า 80% เป็นการผลิตในประเทศในประเทศไทย และส่วนที่เหลือต้องใช้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงจากบริษัทแม่หรือซัพพลายเออร์ของบริษัทแม่ในต่างประเทศ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ชิปไมโครคอนโทรลเลอร์: MCU) สำหรับการควบคุมยานยนต์ ระบบนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และชิ้นส่วนเครื่องยนต์สันดาปภายในและชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากประเทศจีน

REM: 60-70% ของมูลค่าตลาดชิ้นส่วนในประเทศทั้งหมด

ตลาด REM เติบโตไปในทิศทางเดียวกับจำนวนรถจดทะเบียนสะสม ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการใช้งานและความต้องการอะไหล่ (อะไหล่) REM มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ได้แก่ ศูนย์บริการซ่อมของผู้แทนจำหน่าย/ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ร้านขายส่งและขายปลีกชิ้นส่วนรถยนต์ และร้านซ่อมทั่วไป ในส่วนของมูลค่าการนำเข้าชิ้นส่วน REM คิดเป็น 10-20% ของมูลค่าการนำเข้าชิ้นส่วน REM ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากญี่ปุ่น (คิดเป็น 43% ของการนำเข้าชิ้นส่วน REM ทั้งหมด) เช่นเดียวกับจีน (17 %) และสหรัฐอเมริกา (8%)

การส่งออกชิ้นส่วนคิดเป็น 30-40% ของรายได้รวมของอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วน โดยชิ้นส่วน OEM คิดเป็น 80-85% ของการส่งออกทั้งหมด และชิ้นส่วน REM คิดเป็น 15-20% ชิ้นส่วนหลักที่ประเทศไทยส่งออก ได้แก่ เครื่องยนต์ ชุดสายไฟ ตัวถัง กระจก ชุดเกียร์ ยาง และชิ้นส่วนยาง

ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีการแข่งขันสูงในด้านชิ้นส่วนยานยนต์ทั่วโลก ใช้ห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้เกิดการประหยัดจากขนาด และคุณภาพของชิ้นส่วนที่ผลิตได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตรถยนต์ นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีข้อได้เปรียบด้านสถานที่ตั้งในการผลิตชิ้นส่วนทำให้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก ในปี 2564 การส่งออกชิ้นส่วนของไทย (ทุกประเภท) สูงที่สุดในอาเซียน และอันดับที่ 14 ของโลก ชิ้นส่วนส่งออกหลัก ได้แก่ ยางรถยนต์ (อันดับที่ 2 ของโลก) ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์อื่นๆ (ไม่รวมเครื่องยนต์และยางรถยนต์) (อันดับที่ 3) เครื่องยนต์ (อันดับที่ 13) และชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ (ไม่รวมเครื่องยนต์และยางรถยนต์) (อันดับที่ 15) ชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังฐานการผลิตรถยนต์ในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 22 ของการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ทั้งหมด รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา (22%) และญี่ปุ่น (9% ).

01c8b6dbdb9671cf96392993c3e5bbb

131435d21de4f4c424cab13d905f693


เวลาโพสต์: 14 มิ.ย.-2024